กลับไปดูหนังขลัง
‘อีสานสเปเชียล / คืนพระจันทร์เต็มดวง’
ไทย, 2545, 112 นาที – บทบรรยายภาษาอังกฤษ
ยอดหนังตลกสะท้อนจิตวิทยาไทย ที่หลายคนคลั่งไคล้และอยากกลับมาดูกันใหม่บนจอใหญ่เต็มอารมณ์เพ้อเจ้อ ในภาพเฟรมสวยเหมือนศิลปะภาพถ่าย
แรกเห็นนางเอกเพ็ญนภากำลังพลิกดูนิตยสารบันเทิงอยู่ที่เพิงขายหนังสือพิมพ์ที่ขนส่งหมอชิต (นี่กลายเป็นภาพย้อนยุคไปแล้ว ถ้าเป็นทุกวันนี้เธอคงนั่งเขี่ยโทรศัพท์รอรถ) ทันทีที่เธอผีเข้าจากละครวิทยุบนรถเมล์ คนดูที่ลิโดในปี 2546 ระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ เริ่มแรกอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนกลายเป็นหัวเราะเต็มคอ จากนั้นคนดูก็อยู่กับเธอตลอดพล็อตน้ำเน่าทั้งจริงและละเมอเพ้อพกของ ‘อีสานสเปเชียล’ ขณะที่ผู้โดยสารบนรถทุกคน – รวมทั้งแดนนี่ (พระเอก) นักเดินทางลูกครึ่งอีสาน-อเมริกันจีไอ (แน่อยู่แล้ว) – ต่างเล่นบทบาทน้ำเน่าของตนอย่างเต็มศรัทธา กระทั่งเราหวนคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อรถเมล์ต้องมนต์คันนั้นมาถึงจังหวัดแต่งตั้งใหม่หนองบัวลำภู
หนังเปลี่ยนเกียร์โดยละม่อมและหน้าตาเฉย สองหญิงนั่งอยู่แถวหน้าของรถเมล์ โดยมีคนอื่นๆ กระจายอยู่ข้างหลัง ผู้มีอายุมากกว่า ประมาณห้าสิบ เป็นสุภาพสตรีต่างจังหวัดที่แต่งตัวเรียบร้อยมีรสนิยมในเสื้อขาวติดลูกไม้สีเบจกับผ้าซิ่นทอมือ (เครื่องแต่งตัวคิดมาเพะมาก) เธอนั่งพัดตัวเองอย่างสบายๆ ในแถวตรงข้ามกับนางเอก ต่างใจลอยฟังเสียงเจ้าบทบาทจากละครน้ำเน่าในวิทยุ
ทันใดนั้น เกิดการมาเยือนจากมิติแห่งมนตรา – ซึ่งรายล้อมเราอยู่ทุกหนแห่งในเมืองไทยรวมทั้งในคลื่นวิทยุและแสงจันทร์ – ในคราบของแสงสว่างที่จุติขึ้นบนเข็มกลัดประจำตระกูลรูปพระจันทร์เสี้ยวบนอกเธอ อันเป็นมรดกชิ้นเดียวจากพ่อผู้แสนดีแต่โดนปอกลอก และแล้วแสงสว่างวูปนั้นจึงเข้าสิงเธอ นางขอคนขับอย่างเรียบง่ายและสุภาพแต่มั่นใจให้ปิดวิทยุ แล้วก็เริ่มร่ายบทนางเอกด้วยการหันมาตวาดคุณนายข้างๆ ซึ่งขณะนี้เธอเห็นเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย : “ อีอกตัญญู! คนอย่างแกมันไม่ต่างอะไรจากพวกปลิงพวกทาก…”
เหมือนไม่ได้ยิน สุภาพสตรีท่านนั้นยังคงโบกพัดอย่างใจเย็น จนกระทั่งเธอเองก็ถูกดูดเข้าไปในละคร
วิธีสับเปลี่ยนมิติแห่งความเป็นจริงตามอำเภอใจและเหตุผลส่วนตัวอย่างหน้าตาเฉยของผู้กำกับ หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล พาให้นึกถึง “ขบวนการสร้างให้เชื่อ” ของวิลเลียม เชคสเปียร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ และนี่คือ ‘มิดซัมเมอร์ไนท์สดรีม/ฝันกลางฤดูร้อน’ ฉบับไทยอันเยี่ยมยอด โดยที่ละครเกิดขึ้นจากการตกลงร่วมกันระหว่างคนดูและคนเล่น ซึ่งสามารถเอาคนสามคนมายืนบนเวที เรียกคนที่ยืนอยู่ตรงกลางว่า ‘กำแพง’ ระหว่างคู่รักทั้งสอง และแล้วละครก็บังเกิดขึ้น : ความเป็นจริงหนึ่งก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องอธิบายอะไรเลย
‘มิดซัมเมอร์’ ฉบับนี้มาพร้อมกับเจ้า ‘ภัค’ – พรายเล่นตลกแห่งแมกไม้ ในเรือนร่างของทหารผิวกรำแดดจากแถวหลังของรถเมล์ ที่ดูเหมือนจะแมนแต่พูดออกมาแต๋วสนิทแบบละครทีวีตามสูตร ทีแรกดูจะเป็นพวกนางร้ายแต่สุดท้ายกลับเป็นพันธมิตร
การมาถึงดินแดนอีสานอันขลังด้วยตำนานสะกดออกมาด้วยภาพไส้กรอกห้อยยาวราวไส้กระสือ (ซึ่งหนังใช้เป็นมุกซ้ำหลายครั้ง – แล้วมันก็ตลกทั้งที่มันแสนจะเด็ก – โดยเรียกมันว่า ‘ไส้กรอกอิตาเลี่ยน’ ในโรงแรมรีสอร์ทหรูที่ผู้โดยสารเหล่านี้เชื่อว่าตัวเองกำลังมาพักหรือทำงานอยู่) และชายขี้เมาที่มายืนถือหอกอยู่กลางถนน แน่นอนว่าเขาคือตัวแทนความตาย และไม่ใช่เพียงสำหรับพวกกบที่เขาจะแทงไปกินแกล้มเหล้า เสียงหมาหอนหนังผีไทยในความมืดขานรับผู้โดยสารคลาสสิคผีหญิงไทย ที่มายืนรอรถอยู่กลางดึกกลางที่ปลอดเปลี่ยว
“โรงแรมจาระวียินดีต้อนรับค่ะ ไส้กรอกอิตาเลี่ยนของเราอร่อยมาก” นางเอกที่กำลังตกทุกข์ได้ยากต้องมาทำงานเป็นสาวเสิร์ฟบอกนางผีอย่างนอบน้อม
มาถึงตรงนี้ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกว่าหนังทั้งเรื่องนั้นพากย์ด้วยเสียงคลาสสิคนักพากย์หนังจากยุคทองหนังไทย 16 มม. ซึ่งยิ่งขับให้มนตราแห่งการสร้างให้เชื่อแบบ ‘มิดซัมเมอร์’ และราศรีแห่งหนังรักเข้มข้นขึ้นอีก ฟองความคิดคำนึงสื่อเป็นว็อยซ์โอเวอร์สะท้อนเสียงแบบละครวิทยุ เช่นในปฏิกิริยาที่นางเอกมีต่อความเงียบเชียบของนางผี : “แปลกจัง พูดด้วยก็ไม่พูด แถมยังดูซีดๆ ยังไงก็ไม่รู้” จำได้ว่าคนดูที่ลิโดตอนนั้นหัวเราะลั่นโรง ไม่รู้เหมือนกันว่าชาวต่างชาติจะเห็นความโฉ่งฉ่างแบบนี้เป็นเรื่องขบขันอย่างที่เราเห็นหรือไม่ ยกเว้นว่าคุณสามารถมองเห็นความจริงแห่งความโฉ่งฉ่างแบบนี้ในวัฒนธรรมกระแสหลักและวัฒนธรรมเผด็จการจากยุคหลวงวิจิตรฯ ที่คอยตีตราอัตลักษณ์ของผู้คนในสังคม อันเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจสำหรับคนไทย มันทำให้ชีวิตของเราเป็นละครตลกโปกฮา คอยจำกัดกักขังเราไว้ในบทบาทที่มันคาดหมาย นั่นคือผู้ถูกกระทำที่ขี้สงสารตัวเอง และผู้กดขี่ข่มเหงอย่างไม่เลิกรา
สมบัติชวนปรารถนา (ไร่เลี้ยงม้า, เสื้อผ้าดีไซเนอร์, ห้องชุดในโรงแรมห้าดาว ฯลฯ) ได้รับการขานถึงอย่างละเลียดด้วยความโหยหา อีกทั้งบัญชีหางว่าวแห่งสารพัดความทุกข์ทรมาน สำเนียงอีสานแปรเปลี่ยนเป็นเสียงพูดภาคกลางแบบคุณนายละคร แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นยาถอนพิษวัฒนธรรมเสแสร้งกลั่นแกล้งชิงดีชิงเด่นนี้ เมื่อการเดินทางต้องมนต์กลางแสงจันทร์ของรถเมล์จบลงที่จุดหมายปลายทาง และเราหวนคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง เราพบว่านางเอกที่หลงและขี้สงสารตัวเองนั้น ที่แท้เป็นหญิงที่มีเกียรติและจริงใจ ผู้ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตจอมปลอมบนรากฐานของความเท็จ
ส่วนนางแม่เลี้ยงใจร้ายกลับเป็นนักธุรกิจที่ตีนติดดินและมีน้ำใจ เธอคอยให้คำแนะนำและสุดท้ายรับสาวคนงานพม่านอกกฎหมาย (นางรอง) มาดูแลราวกับเป็นแม่ที่อบอุ่นและหวังดีมีเหตุผล ไร้ดราม่าเก๊ๆ ไร้กลิ่นน้ำเน่า ในเรื่องฉีกข้างที่น่ารักมาก (อลิศกินเห็ด)
ผู้กำกับ: หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล
โปรดิวซ์ : หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล
บทภาพยนตร์: หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล, อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล