ในหนังเรื่องนี้ ความคับแค้นใจที่เราชาวไทยรู้สึกต่อวัวศักดิ์สิทธิ์แห่งตำราประวัติศาสตร์ของทางการ ปรากฏให้เห็นอย่างเต็มหูเต็มตา ในฉากวิเศษฉากแล้วฉากเล่า แม้บางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากดูเพราะกลัวช็อตกว้างเทคยาวแบบอภิชาตพงศ์ ซึ่งหนังอยากอาร์ทดูเหมือนต้องมี ช็อตเหล่านี้พาเราเดินหน้าไปเรื่อยๆ – ไปสู่ข้างในตัวเราเอง คือ ปมขมขื่นกลางใจเรา อันเกิดจากความไม่พอใจที่ประวัติศาสตร์ไทยหลายบทเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะสำหรับนักทำหนังไทย การเปลี่ยนต่อเนื่องจากฉากสู่ฉาก (Transition) ใช้ภาพที่ตรงไปตรงมา แต่ล้วนวางแผนขบคิดมาแล้วอย่างดียิ่ง ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมากสำหรับหนังไทยเชือกกล้วย ว่าไปแล้ว ความซื่อของอุปไมยกลับเพิ่มมนต์เสน่ห์แห่งเทพนิยายให้กับหนัง แม้นว่ามี 2-3 ฉากที่ค่อนข้างอ่อนแอแต่ให้อภัยได้ นี่เป็นหนังที่ดีที่สุดและไทยแท้ที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์หนังไทย ช่างเหมาะสมที่มันมาจากหัวใจของแผ่นดินนี้ – พิมาย – เมืองเล็กๆ น่ารักรอบวิหารพระศิวะที่ทำจากหินมหึมา ราวกับว่าสร้างขึ้นโดยเผ่าพันธุ์ยักษ์